"เสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ สู่การสร้างความหมายใหม่ทางวัฒนธรรม”
ธนกร บุญยืน
“บทความชิ้นนี้ดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาตรีเสนอภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์
มหาวิทยานเรศวร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาพัฒนาสังคม ศึกษาและค้นคว้าโดยผู้เขียนซึ่งมี
ผศ.ดร. กมเลศ โพธิกนิษฐ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์”
"เสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ สู่การสร้างความหมายใหม่ทางวัฒนธรรม”
ปัจจุบัน "เสื้อมือสอง" หรือ "เสื้อวินเทจ" ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มดารา นักร้อง และนักแสดง ซึ่งถือเป็นผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมแฟชั่น เสื้อยืดแนววินเทจที่พ่อค้าแม่ขายและนักสะสมเรียกว่า ‘ผ้าบาง’ มีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์และความหายากเป็นหลัก ในตลาดของมือสองเสื้อยืดวินเทจมีความคล้ายกับกระเป๋า นาฬิกา รองเท้า เครื่องประดับ และพระเครื่อง ซึ่งมีทั้งคุณค่าทางจิตใจและการใช้งาน ดังนั้น สินค้าประเภทนี้จึงกลายเป็น "ของมันต้องมี" ในประเทศไทย เสื้อยืดวินเทจมักมาจากตลาดของเก่า โดยส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งถูกส่งต่อไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการเสื้อผ้า เช่น แอฟริกา เอเชีย และปากีสถาน เมื่อเสื้อผ้าเหล่านี้มีจำนวนมากกว่าความต้องการ ธุรกิจที่ประมูลซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้จึงเกิดขึ้น เพื่อนำไปอัดเป็นมัดและส่งขายไปยังประเทศต่างๆ อีกรอบ แบบที่เราได้ยินคำว่า เสื้อเปิดกระสอบ และเสื้อวินเทจคัดเกรด
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณา "เสื้อมือสอง" หรือ "เสื้อวินเทจ" ด้วยกรอบแนวคิดทฤษฎีวัฒนธรรมวัยรุ่น (Youth Culture) ในฐานะที่เป็นวัฒนธรรมกระแสรอง ภายใต้แนวคิดของ ดิค เฮบดิก(Dick Hebdige) พบว่านอกเหนือจากความนิยมชมชอบจากการบริโภคแล้ว การสวมใส่ "เสื้อมือสอง" หรือ "เสื้อวินเทจ" ในหมู่วัยรุ่นยังสร้างความหมายให้ตัวเองภายใต้สินค้าที่บริโภค ซึ่งมีลักษณะเป็นการต่อต้านขันขืนวัฒนธรรมที่ชี้นำโดยผู้ใหญ่
ดังนั้น บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเสนอกรอบแนวคิดเชิงทฤษฎีที่ว่าด้วย วัฒนธรรมวัยรุ่น (Youth Culture) ภายใต้กรอบแนวคิดของ ดิค เฮบดิก (Dick Hebdige) ซึ่งนำเสนอถึงการนำกระบวนการตัดแปะ (cut and mix process) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสร้างความหมายใหม่ผ่านการบริโภค และการสวมใส่
Dick Hebdige กับ "กระบวนการตัดแปะ" (Cut-and-mix Process) การสร้างความหมายใหม่ของวัยรุ่น
Dick Hebdige (ดิ๊ก เฮบดิก) เป็นนักวัฒนธรรมศึกษา สำนักวัฒนธรรมศึกษาเบอริงแฮม ด้วยแนวคิด "กระบวนการตัดแปะ" (Cut-and-mix Process) ซึ่งเป็นการเลือก (Cut) เอาสัญลักษณ์หรือองค์ประกอบ ของวัฒนธรรมที่อยู่รอบตัวมาดัดแปลง/ สร้างความสัมพันธ์ ใหม่ เพื่อ "ผสมผสาน" (Mix) จนเกิด "สไตล์" (Style) ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยมีกระบวนการ บริโภค (Consumie) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการ เข้าถึงสัญลักษณ์หรือองค์ประกอบของวัฒนธรรม ดังกล่าว สำหรับ Hebdige "การสร้างสรรค์สไตล์" (Style) ตามแนวคิด "กระบวนการตัดแปะ" ถือเป็น "รูปแบบ เฉพาะเชิงสัญลักษณ์ของแต่ละวัฒนธรรม" ซึ่งผสมผสานองค์ประกอบ (Element) ของวัฒนธรรมต่างๆนำมาสร้างความสัมพันธ์แบบใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความหมายเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น (ขนิษฐา อุดมวิทยาไกร, 2550, น.10) นอกจากนี้ Mike Brake(1990) ซึ่งสอดคล้องกับเฮบดิก ยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่ารูปแบบที่ทำให้เกิดตัวบ่งชี้ที่สำคัญทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นสมาชิก โดยปรากฏออกมาซึ่งมีองค์ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ 1) ภาพลักษณ์การแต่งกาย (Image) 2) กิริยาท่าทางและการวางตัว (Demeanor) 3 )การใช้ภาษาเฉพาะหรือศัพท์แสลง (Argot) 4 ) พื้นที่การแสดงตัวตน เพื่อเป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมแบบผู้ใหญ่ที่เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักซึ่งมีอำนาจในการสร้างภาพต้นฉบับ (Stereotype) ว่าวัยรุ่นควรเป็นอย่างไร
พิจารณาเสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ ผ่านกระบวนการตัดแปะ
เมื่อพิจารณาเสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจผ่านกระบวนการตัดแปะพบว่าวัยรุ่นผู้ที่นิยมชมชอบในเสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ ปฏิเสธวัฒนธรรมแบบผู้ใหญ่ในลักษณะของการต่อต้านขัดขืนวัฒนธรรมที่เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักซึ่งมีอำนาจในการสร้างภาพต้นฉบับ (Stereotype) ผ่านการสร้างบรรทัดฐาน (Norm) เมื่ออ้างอิงจากแผนการจัดการเรียนรู้ของ DLTV มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV, 2564) โรงเรียนหรือสถาบันอื่นๆ มักพบว่าการแต่งกายของวัยรุ่น เสื้อผ้าของวัยรุ่น ควรเรียบร้อย สุภาพ สะอาดและใหม่ โดยให้เหตุว่า ความสะอาดเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความงาม และช่วยสร้างความเชื่อถือ ไว้วางใจให้กับตัวเอง ทั้งนี้เสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ นั้นมักมีลักษณะที่เก่า ขาด หรือมีตำหนิ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง"สไตล์" (Style) ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยมีกระบวนการ บริโภค (Consumie) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการ เข้าถึงสัญลักษณ์หรือองค์ประกอบของวัฒนธรรม ดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อมองผ่านกระบวนการตัดแปะพบว่า
1) ภาพลักษณ์การแต่งกายในหมู่วัยรุ่นผู้ที่นิยมชมชอบในเสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ มักถูกเรียกกันเองด้วยคำว่า “พวกบ้าผ้าบาง” พวกบ้าผ้าบาง มักมีภาพลักษณ์การแต่งการด้วยเสื้อมือสอง/เสื้อวินเทจ พร้อมกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้า เป็นประจำเพื่อเป็นการท้าทายกับวัฒนธรรมการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามือหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักในสังคม
2) กิริยาท่าทางและการวางตัว แม้กิริยาท่าทางการวางตัวมักคล้ายๆกับคนทั่วๆไปไม่ได้หวือหวาซึ่งแสดงถึงข้อแตกต่างจากบุคคลทั่วไปนัก แต่เมื่อสังเกตพวกบ้าผ้าบางเรามักพบกิริยาท่าทางในลักษณะของการพูดคุยกันเรื่องเสื้อ การฟังเพลงที่มีลักษณะเป็นดนตรีนอกกระแสสังคมในไทยเช่น คณะขวัญใจ, ไววิทย์, whatfalse หรือดนตรีในยุคเก่าซึ่งอาจพบเห็นการฟังได้ตั้งแต่ยุค 1960s เช่นเพลงของ Creedence Clearwater Revival, Grateful dead ไปจนถึงเพลงในยุค 1980s หรือ 1990s เช่นเพลงของ Guns N' Roses, Metallica
3) การใช้ภาษาเฉพาะหรือศัพท์แสลง ซึ่งถือว่าเป็น "รูปแบบเฉพาะ" ทั้งนี้คำศัพท์ที่พบจากกลุ่มพวกบ้าผ้าบางพบใน 2 ลักษณะใหญ่ๆ ประกอบด้วย
ประเภทเสื้อ เช่น
เสื้อวินเทจ หมายความว่า เสื้อมีอายุนับตั้งแต่ผลิตมาแล้วถึง 20 ปี
เสื้อมือสอง หมายความว่า เสื้อที่ถูกใช้มาแล้วนำมาขายต่อหรือถูกบริจาคมา
เสื้อวง หมายความว่า เสื้อที่พิมพ์ลายวงดนตรี
เสื้อการ์ตูน หมายความว่า เสื้อที่พิมพ์ลายการ์ตูน
เสื้อ Harley หมายความว่า เสื้อที่พิมพ์ลายของบริษัท Harley-Davidson
เสื้อ Bootleg หมายความว่า เสื้อปลอมที่ถูกผลิตโดยแฟนเพลงของวงดนตรีนั้นๆที่ถูก นำมา
วางขายหน้างานคอนเสิร์ตในยุคนั้นๆ
ลักษณะของเสื้อ เช่น
ผ้าบาง หมายความว่า เสื้อเสื้อที่มีส่วนประกอบด้วยผ้าคอตตอน 50% ผ้าโพลีอีสเตอร์ 50%
ผ้า 3 เนื้อ(ผ้าทราย) หมายความว่า ผ้าที่มีส่วนประกอบด้วย คอตตอน โพลีอีสเตอร์ และเรยอง
3D หมายความว่า เสื้อที่ผลิตในยุค 1940s-1960s บางตัวลึกไปถึงยุคปี 1930s
ตะเข็บเดี่ยว หมายความว่า เสื้อที่เย็บด้วยตะเข็บตอนเดียวมักเห็นในเสื้อที่ผลิตก่อนยุค 2000s
เนื่องด้วยเทคโนโลยีในการผลิตสมัยนั้นจึงทำให้เสื้อในยุคนั้นถูกเย็บด้วยตะเข็บตอนเดียว
ตอกปี หมายความว่า เสื้อซึ่งมีการพิมพ์ปีที่ผลิตอยู่กับลายของเสื้อซึ่งถือว่าเป็นการบ่งบอก
อายุของเสื้อได้เช่นกัน
สีเฟด หมายความว่า เสื้อที่มีลักษณะของสีซีดหรือจาง
รูมด หมายความว่า เสื้อที่มีตำหนิซึ่งเป็นลักษณะของรูขนาดเล็กบนตัวเสื้อ
4) พื้นที่ของการแสดงออกถึงตัวตนการเปิดเผยตัวตน รวมถึงการรู้จักสถานที่ของการแสดงตัวตน
นั้น โดยกลุ่มพวกบ้าผ้าบางส่วนใหญ่นั้น มีการแสดงออกถึงตัวตนใน 2 ลักษณะ คือ
1) พื้นในทางสื่อ Social media เช่น กลุ่มตลาดซื้อขายใน Facebook Line Group Instagram เว็ปไซต์
2) คือในทางพื้นที่ทางกายภาพ เช่น ร้านเหล้า ร้านกาแฟ ตลาดนัด ร้านค้าเสื้อผ้ามือสอง ทั้งสองพื้นที่เป็นพื้นที่แห่งสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ทางการแต่งกาย ที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับบรรทัดฐานทางสังคมที่กำหนดไว้ว่าด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้ามือหนึ่งที่ใหม่สะอาดไร้ตำหนิ ทั้งสองพื้นที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การปรึกษาเรื่องเสื้อยืดเป็นส่วนมาก รวมทั้งการสร้างพื้นที่เฉพาะในกลุ่มผู้นิยมและชื่นชอบในเสื้อยืดมือสองที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นความชอบ ทัศนคติของกันและกัน
บทสรุป
เสื้อยืดมือสอง/เสื้อวินเทจ ในฐานะของการเป็นวัฒนธรรมวัยรุ่น สรุปได้ว่า การเปิดเผยความชอบ เปิดเผยตัวตนในสังคม โดยไม่สนใจในเรื่องการแต่งกายกระแสหลักที่มีการกำหนดให้เรื่องการแต่งกายได้ถูกกำหนดไว้ให้ถูกต้องตามกาลเทศะมีความสะอาดมีความสุภาพ เรียบร้อยมีความเหมาะสมกับวัยมีความเหมาะสมกับรูปร่างมีความเหมาะสมกับฐานะและความเป็นอยู่มีความประหยัด แต่เป็นการสนใจในเรื่องทุกคนสามารถมีสิทธิ์เลือก หรือกำหนดตัวตน วิถีชีวิต ของตนเองได้โดยไม่ต้องให้สังคมกำหนด โดยเน้นในทางด้านความชอบความนิยมและความเป็นตัวตน มากกว่าการที่ต้องมากำหนดว่าต้องแต่งกายอย่างไร ดังนั้น การต่อต้าน ต่อรองของกลุ่มวัฒนธรรม ย่อยที่ถูกคิดเรื่องการแต่งกายกระแสหลัก มีลักษณะในการใช้รูปแบบเชิงสัญลักษณ์รูปแบบหนึ่งที่ เรียกว่า กระบวนการตัดแปะ(Cut & Mix) โดยเป็นการประกอบสร้างความคิด ความเชื่อเรื่องการแต่ง กายของกลุ่มผู้ชื่นชอบและนิยมเสื้อยืดมือสองขึ้นมา และใช้วิธีการตัดความคิด ความเชื่อที่มีต่อ วัฒนธรรมกระแสหลักทางการแต่งกายแบบเดิมพร้อมทั้งสร้างชุดความจริงใหม่ของตนเองที่ให้คุณค่า และความหมายของการแต่งให้ถูกกาลเทศะโดยไม่ทิ้งตัวตนของการสวมใส่เสื้อยืดมือสอง และการถูก กำหนดการแต่งกายออก ซึ่งพวกบ้าผ้าบางได้ประกอบสร้างความหมายใหม่ ใช้วิธีการตัดแนวคิด วัฒนธรรมกระแสหลักเรื่องการแต่งกายและได้ผสานความชื่นชอบ ความหลงไหลในเสื้อยืดมือสองและ สร้างความคิด ความเชื่อความสัมพันธ์แบบใหม่ขึ้นมาที่สามารถแสดงถึงความเป็นตัวตน สร้าง ความหมายเฉพาะกลุ่มตัวผู้ชื่นชอบและนิยมในเสื้อยืดมือสอง
บรรณานุกรม
กมเลศ โพธิกนิษฐ. (มิถุนายน 2561). คนชายขอบกับการพัฒนา Marginalized People and
Development. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา 830386 คนชายขอบกับการพัฒนา Marginalized People and Development
ขนิษฐา อุดมวิทยาไกร. (2550). กระบวนการสื่อสารทางวัฒนธรรมของกลุ่มวัยรุ่นฮิพฮอพในสังคมไทย.
(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะวารสารศาสตร์และ สื่อสารมวลชน, สาขาสื่อสารมวลชน.
มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม-DLTV.(2564). การเลือกใช้เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่างและวัย
บุคลิกภาพของตนเอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 จาก https://dltv.ac.th/teachplan/episode/37550
เล่าเรื่อง "เสื้อยืดวินเทจ" กับการเป็น "ของสะสม" ทุกวันนี้น่าลงทุนแค่ไหน? (2022) สืบค้นเมื่อวันที่ 8
สิงหาคม 2567 จาก https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/judprakai/1021022
Mike Brake. Comparative Youth Culture: The Sociology of Youth Cultures and Youth Subcultures
in America, Britain, and Canada. London: Routledge, 1990.
Dick Hebdige, Subculture : The meaning of style, London : Methuen, 1979.
พื้นที่ประชาสัมพันธ์
ขอเชิญรับฟัง Podcast จากสำนักพิมพ์ Crackers Books
และรับฟังทุกรายการได้ที่ crackersbooks.com/podcasts
ติดต่อโฆษณา โทร 0953394114