Published by Crackers Books,

5 June 2024

https://crackersbooks.com/blogs

ศิริโสภา สันติทฤษฎีกร

อาจารย์ประจำวิทยาลัยบริหารศาสตร์

มหาวิทยาลัยแม่โจ้



เปิดเปลือก 'Rainbow Washing': เมื่อสีรุ้งถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด


“เดือนมิถุนายน” ถือเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจ (Pride Month) ของกลุ่ม LGBTQ+ ทั่วโลก งาน Pride Parade ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เฉลิมฉลอง และสนับสนุนสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ให้ได้รับการยอมรับและความเท่าเทียมในสังคม ในปีนี้มีงานPride Parade ถูกจัดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง คือที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมและ 2 มิถุนายน ส่วนกรุงเทพฯ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน งาน Pride Parade ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ นักการเมือง ตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน องค์กรทางศาสนา ประชาชนและนักท่องเที่ยว แต่ท่ามกลางสีสันและความคึกคักของงานกลับมีประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างกว้างขวางในปีนี้ นั่นคือเรื่องของ Rainbow Washing และ Rainbow Capitalism ที่ทำให้หลายคนต้องกลับมาทบทวนถึงความจริงใจขององค์กรต่างๆ ที่ออกมาแสดงตัวสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ ในช่วงเทศกาลเช่นนี้


รู้จัก Rainbow Washing และ Rainbow Capitalism


Rainbow Washing คือการที่องค์กรต่างๆ พยายามแสดงตัวว่าสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ ผ่านการทำกิจกรรมหรือแคมเปญในช่วง Pride Month แต่ในความเป็นจริงแล้ว องค์กรเหล่านั้นกลับไม่มีนโยบายหรือการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBTQ อย่างแท้จริง การกระทำดังกล่าวมีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเท่านั้น


ในขณะที่ Rainbow Capitalism หมายถึงการที่ธุรกิจต่างๆ หันมาใช้ประเด็นสิทธิของกลุ่ม LGBTQ และสัญลักษณ์รุ้งสีเพื่อสร้างกำไรให้กับตัวเอง ผ่านการผลิตสินค้าและบริการที่มีธีมสีรุ้งในช่วง Pride Month โดยไม่ได้ใส่ใจถึงสาระสำคัญของการสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ อย่างแท้จริง

(Rainbow Washing เน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ผ่านการแสดงออกว่าสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ แต่ไม่ได้ลงมือทำอย่างจริงจัง ในขณะที่ Rainbow Capitalism เน้นไปที่การสร้างกำไรให้กับธุรกิจ ผ่านการผลิตสินค้าและบริการที่มีสัญลักษณ์รุ้งเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า LGBTQ โดยเฉพาะในช่วง Pride Month โดยทั้งสองแนวทางไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ อย่างจริงใจ แต่เป็นการใช้ประโยชน์จากประเด็นความหลากหลายทางเพศเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจเป็นหลัก )


เมื่อ Rainbow Washing ปรากฏในงาน Pride ที่เชียงใหม่


งาน Pride Parade ทั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ต่างเผชิญกับปรากฏการณ์ Rainbow Washing เหมือนกัน ในเชียงใหม่มีองค์กรที่ไม่เป็นมิตรกับกลุ่ม LGBTQ+ อย่างแท้จริงเข้าร่วมขบวนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนงาน Bangkok Pride มีประเด็นที่ถูกจับตามองเรื่องสปอนเซอร์รายใหญ่ที่มีประวัติการผูกขาดทางการค้าและก่อปัญหาสิ่งแวดล้อมจนเกิดคำถามถึงความเหมาะสมในการรับการสนับสนุนจากองค์กรเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของการจัดงาน Pride ที่ต้องเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์ Rainbow Washing ที่แฝงเข้ามาได้ในหลายรูปแบบ

เพศ..หลากหลาย ความเห็น...หลากหลาย


เมื่อประเด็น Rainbow Washing ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในวงกว้าง ก็เกิดเสียงสะท้อนที่หลากหลายจากคนในวงการ LGBTQ+ เอง ทั้งนักวิชาการและนักกิจกรรมต่างออกมาแสดงความเห็นจากมุมมองที่แตกต่างกัน บางส่วนวิพากษ์วิจารณ์องค์กรที่ฉวยใช้ช่วงเวลาของ Pride Month เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในขณะที่บางเสียงก็มองว่าการสนับสนุนจากภาคธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมของกลุ่ม LGBTQ+ การถกเถียงภายในชุมชนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปรากฏการณ์ Rainbow Washing ที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

ความเห็นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก


กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย: กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการรับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดใหญ่ในงาน Pride Parade มีเหตุผลหลักคือ บริษัทเหล่านี้ไม่ได้มีนโยบายที่เป็นมิตรหรือให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ อย่างจริงจัง การเข้ามาเป็นสปอนเซอร์เป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์เพื่อฉวยใช้ประโยชน์จากกระแสงาน Pride เท่านั้น นอกจากนี้ บางบริษัทยังมีประวัติด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน สร้างการผูกขาด และก่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการรับการสนับสนุนจากบริษัทเหล่านี้จึงขัดแย้งกับหลักการของการเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียม และอาจส่งผลเสียต่อการรับรู้และความน่าเชื่อถือของขบวนการ LGBTQ+ ในสายตาสังคมวงกว้าง


กลุ่มที่เห็นด้วย: กลุ่มที่เห็นด้วยกับการรับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดใหญ่มองว่า การได้รับทุนสนับสนุนจากภาคธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดงานขนาดใหญ่อย่าง Pride Parade ซึ่งต้องอาศัยงบประมาณจำนวนมาก การมีสปอนเซอร์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และทำให้การจัดงานเป็นไปอย่างราบรื่นและยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ การที่บริษัทใหญ่ให้การสนับสนุนยังถือเป็นการเพิ่มการยอมรับกลุ่ม LGBTQ+ ในสังคมวงกว้าง และอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในองค์กรให้เป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBTQ+ มากขึ้น การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคธุรกิจจึงเป็นก้าวหนึ่งของการสร้างความเท่าเทียมในที่ทำงานและในสังคม


Rainbow Washing ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในการเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมทางเพศเท่านั้นหากแต่ยังปรากฏในขบวนการทางสังคมอื่นอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นขบวนการสิทธิสตรีที่แบรนด์ต่างๆ พยายามโยงภาพลักษณ์ของตนเข้ากับการเสริมพลังของผู้หญิง (Women Empowerment) หรือขบวนการด้านสิ่งแวดล้อมที่บริษัทพยายามสร้างภาพของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Greenwashing) เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยกลยุทธ์การตลาดเหล่านี้ไม่ได้มุ่งหวังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง แต่เป็นการ “ฉวยใช้” ประเด็นทางสังคมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีและเพิ่มผลกำไรเป็นหลักจนทำให้ปรากฏการณ์ของการนำเอาประเด็นความเป็นธรรมในสังคมมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดกลายเป็นเรื่องปกติในโลกของทุนนิยมยุคใหม่ไปแล้ว


หากเราต้องการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรมอย่างแท้จริง การตระหนักรู้และร่วมมือกันต่อต้านการฉวยใช้ประเด็นความเป็นธรรมเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ขบวนการทางสังคมและพลเมืองทุกคนล้วนมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการกลั่นกรองและตรวจสอบเบื้องหลังม่านสีรุ้งอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเราทุกคนจะต้องร่วมกันฉายแสงส่องทางไปสู่สังคมที่ไม่มีใครถูกเอารัดเอาเปรียบและเพื่อให้ทุกการเคลื่อนไหวทางสังคมดำเนินไปเพื่อสร้างความเท่าเทียมและประโยชน์แก่คนทุกกลุ่ม








Premium isolated images

พื้นที่ประชาสัมพันธ์

ขอเชิญรับฟัง Podcast จากสำนักพิมพ์ Crackers Books

และรับฟังทุกรายการได้ที่ crackersbooks.com/podcasts

Flat Youtube Icon

ติดต่อโฆษณา โทร 0953394114

Inbox now rectangle button call to action CTA drop shadow
Sleek Clean Monoline Decorative Click