Published by Crackers Books,

28 July 2024

https://crackersbooks.com/blogs

ทำความรู้จักกับแนวความคิดที่ว่าด้วยการจัดวางความคิดทางการเมือง

ตอนที่ 3 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “การรื้อถอนความคิดที่ถูกจัดวางไว้” (Uninstallation)



วีรชน เกษสกุล

อาจารย์ประจำสาขาวิชาการปกครอง

คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

Weerachon.g@ubu.ac.th








เกริ่นนำ


ตามที่ผู้เขียนได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับแนวความคิด “การจัดวางความคิดทางการเมือง” หรือ “Political Installation” ไปแล้วสองตอนก่อนหน้านี้ โดยใน​ตอนที่ 1 ผู้เขียนได้พยายามอธิบายถึงความเป็นมาและสาระสำคัญของแนวคิดดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากการแนะนำแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมทางความคิดของ​วัชรพล พุทธรักษา ที่ได้พัฒนาขึ้นจากแนวความคิดและทฤษฎีของอันโตนิโอ กรัมชี่ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และอธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองในมิติต่าง ​ๆ แนวคิดดังกล่าวนี้ได้ถูกนำเสนอผ่านหนังสือที่ชื่อ “อันโตนิโอ กรัมชี่ กับการจัดวางความคิดทางการเมือง: ปรัชญาปฏิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และ​การปลดปล่อยมนุษย์”


สำหรับแนวคิดนี้ผู้เขียนได้อธิบายไปแล้วว่าเป็นแนวความคิดที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างทฤษฎีการเมืองของอันโตนิโอ กรัมชี่ กับหลักการสำคัญของ​ศิลปะแบบจัดวาง (Installation Art) โดยวัชรพล คาดหวังเอาไว้ว่าแนวความคิดดังกล่าวจะสามารถทำให้ผู้คนเข้าใจและสามารถนำแนวคิดของกรัมชี่ไปใช้​ในทางปฏิบัติได้ง่ายขึ้น โดยเขาได้เสนอหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว (Installed) การรื้อถอนความคิดที่​ถูกจัดวาง (Uninstallation) และการจัดวางความคิดใหม่ (Reinstallation) ซึ่งในบทความตอนที่แล้วผู้เขียนได้อธิบายถึงขั้นตอนแรกของการใช้แนวคิดดัง​กล่าว คือ “การกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว” (Installed) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนและตรวจสอบชุดความคิดหรืออุดมการณ์ที่มีอยู่ก่อน​หน้านี้ว่ามีความเหมาะสมหรือควรปรับปรุงอย่างไร ทั้งนี้ตามมุมมองหรือวิธีคิดของผู้เขียนเองได้เลือกใช้แนวความคิด “กลุ่มประวัติศาสตร์” (Historical ​Bloc) เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว


สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายถึงขั้นตอนที่ 2 ของแนวคิด “การจัดวางความคิดทางการเมือง” ซึ่งนั่นคือ “การเข้าไปรื้อถอนความคิดที่​ถูกจัดวาง” (Uninstallation)


การเข้าไปรื้อถอนความคิดที่ถูกจัดวาง (Uninstallation)

การรื้อถอนหรือการทำลายทั้งในทางวัตถุและทางความคิด ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญในเชิงวัฒนธรรมที่กลายเป็นสัจธรรมของการเปลี่ยนผ่านอำนาจ​ทางการเมืองจากกลุ่มอำนาจหนึ่งไปสู่อีกกลุ่มหนึ่ง การทำลายความชอบธรรมของกลุ่มอำนาจเดิมด้วยการทำลายสัญลักษณ์ทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม ​และแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ใหม่ที่แสดงออกถึงความชอบธรรมทางการเมืองของกลุ่มอำนาจใหม่ นอกจากนี้การพยายามรื้อถอนยังเป็นกลไกสำคัญสำหรับ​การต่อสู้หรือเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มพลังทางสังคม ซึ่งในกรอบคิดของวัชรพล การรื้อถอนความคิดที่ถูกจัดวางไว้ คือการพยายามสร้างสำนึกเชิง​วิพากษ์ (Good sense) แต่อย่างไรก็ตามการจะสร้างสำนึกเชิงวิพากษ์ได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจแนวความคิดที่ว่าด้วย“สามัญสำนึก” ​(Common sense)


แนวความคิดที่ว่าด้วย “สามัญสำนึก”

ตามที่ได้กล่าวไปในตอนต้นแล้วว่าการที่จะทำความเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างสำนึกเชิงวิพากษ์ เราจำเป็นที่จะต้องเริ่มจากการเข้าใจแนวคิดที่ว่าด้วย ​“สามัญสำนึก” (Common sense) ซึ่งเป็นแนวความคิดสำคัญของอันโตนิโอ กรัมชี่ สำหรับกรัมชี่แล้วเขามองว่าสามัญสำนึกมีลักษณะเป็นนามธรรมคล้าย​กับศาสนา และเป็นผลพวงทางประวัติศาสตร์ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้คนในสังคมในบริบททางสังคมหนึ่ง ๆ จน​กลายเป็นบรรทัดฐานหรือหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติร่วมกัน กรัมชี่เชื่อว่าเครื่องมือที่สนับสนุนให้เกิดสามัญสำนึกได้แก่ คติชนพื้นบ้าน เช่น นิทาน ตำนานพื้น​บ้าน คำสอน และคติความเชื่อ (Hoare, G. and Sperber, N., 2016: pp. 86-88)


ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปทำความเข้าใจในบริบทการเมืองเมื่อครั้งที่กรัมชี่ทำงานอยู่กองบรรณาธิการวารสาร “L’Ordine Nuovo” (ระเบียบใหม่) เราจะเห็นได้​ว่ามีนักปฏิวัติหลายคนมองว่าสามัญสำนึกเป็นอุปสรรคของการปฏิวัติ และเป็นสัญลักษณ์ของวิธีคิดแบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งกรัมชี่เห็นว่าสามัญสำนึกคือ “การ​มองโลกในลักษณะที่ไร้เหตุผลในเชิงวิพากษ์” กล่าวคือสามัญสำนึกเป็นบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้นผ่านการกล่อมเกลาทางวัฒนธรรมจนกลายเป็นความจริงที่​ไม่ต้องตั้งคำถามใด ๆ อย่างไรก็ตาม กรัมชี่เสนอแนวทางการท้าทายสามัญสำนึกด้วยการสร้างสำนึกเชิงวิพากษ์ (Good sense) (Gramsci, 1971: p 419; ​Hoare, G. and Sperber, N., 2016: pp. 88-89)


สำนึกที่ดีในการมองโลกแบบใหม่ (Good sense)

สำหรับการสร้างสำนึกเชิงวิพากษ์ (Good sense) นับว่าเป็นกลไกสำคัญที่กรัมชี่ใช้เพื่อตอบโต้ต่อสภาวะการครองอำนาจนำ (Counter Hegemony) กล่าว​คือ หากกลุ่มชนชั้นที่ถูกกดขี่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง พวกเขาต้องตั้งคำถามกับสภาวะของการถูกกดขี่ และลุกขึ้นสู้ในสนามทางความคิด ความเชื่อ ​ตลอดจนการสร้างจิตสำนึก เพื่อยกระดับปัญญาของผู้คนทั่วไป (Gramsci, 1971: p.340; วัชรพล พุทธรักษา, 2557: 166-167; กมเลศ โพธิกนิษฐ์, 2563: ​162-163)


แต่อย่างไรก็ดี การสร้างสำนึกเชิงวิพากษ์จะสำเร็จไม่ได้หากปราศจากกลไกที่เรียกว่า “ปัญญาชน” (Intellectuals) ซึ่งกรัมชี่เห็นว่าปัญญาชนไม่ได้จำกัดอยู่​ในชนชั้นสูงหรือชนชั้นนำ แต่ใครก็ตามที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนหรือสร้างแรงผลักดัน ตลอดจนการสร้างความรู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ให้เกิดขึ้นใน​จิตสำนึกของกลุ่มผู้ถูกกดขี่ เพื่อท้าทายสามัญสำนึกแบบดั้งเดิม (Sassoon, A.S., 1982: p.14; Crehan, 2016: pp. 18-19, p.44; วัชรพล พุทธรักษา, 2557: ​171)


อนึ่ง ประการสำคัญอย่างหนึ่งที่จะสนับสนุนการสร้างสำนึกเชิงวิพากษ์ไปสู่เป้าหมายปลายทาง คือการทำสงครามยึดพื้นที่ทางความคิดและวัฒนธรรม (War ​of Position) กรัมชี่เห็นว่าการทำสงครามขับเคลื่อนยึดพื้นที่ (War of Movement) อาจเหมาะกับรัฐที่มีอำนาจทางการเมืองเปราะบาง และแม้จะยึดอำนาจ​รัฐได้ แต่ยากที่จะรักษาอำนาจนั้นไว้อย่างยาวนาน ดังนั้นเขาเสนอแนวทาง “การทำสงครามเพื่อช่วงชิงพื้นที่ทางความคิด” เพื่อครองอำนาจนำและ​เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมใหม่อย่างยั่งยืน กรัมชี่เสนอว่ากระบวนการนี้ควรใช้ผ่านสถาบันทางศาสนา ครอบครัว และการศึกษา เป็นต้น (Gramsci, ​A., 1971: p 59; Hoare, G. and Sperber, N., 2016: p. 59-60; Simon, R., 1999: p. 85-86; กาญจนา แก้วเทพ, 2541: 90-91)



เอกสารอ้างอิง

Crehan, K. (2016). Gramsci’s common sense: Inequality and its narratives. Duke University Press.

Gramsci, A. (1971). Selections from the Prison Notebooks. (Q. Hoare & G. N. Smith, Eds. & Trans.). London : Lawrenece Wishart.

Hoare, G., & Sperber, N. (2016). An introduction to Antonio Gramsci: His life, thought and legacy. London: Bloomsbury Publishing PLC.

Sassoon, A. S. (1982). Gramsci's politics. Di Mauro, G. and Di Mauro, E. (tr.). New York:

Monthly Review Press.

Simon, R. (1999). Gramsci's political thought: An introduction. London: The Electric Book

Company Ltd

กมเลศ โพธิกนิษฐ. (2563). ทฤษฎีนโยบายสังคมและการวิพากษ์นโยบาย. พิษณุโลก: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร.















Premium isolated images

พื้นที่ประชาสัมพันธ์

ขอเชิญรับฟัง Podcast จากสำนักพิมพ์ Crackers Books

และรับฟังทุกรายการได้ที่ crackersbooks.com/podcasts

Flat Youtube Icon

ติดต่อโฆษณา โทร 0953394114

Inbox now rectangle button call to action CTA drop shadow
Sleek Clean Monoline Decorative Click