Published by Crackers Books,

6 October 2024

https://crackersbooks.com/blogs

โตนเลสาบ ปัญหา วิถีชีวิต และบทบาทของภาคประชาสังคมและประชาชน


กิตติภพ แก้วสุวรรณ์

นักศึกษาสาขาวิชาการปกครอง ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี



กริ่นนำ


เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมปี 2567 ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ “ ชวนคนรุ่นใหม่ไปงาน MAEW 2024” หรืองานสัปดาห์สิ่งแวดล้องแม่โขง – อาเซียน ​(MEKONG ASEAN Environmental Week : MAEW) ซึ่งเป็นโครงการของ Project SEVANA South-East Asia ที่เป็นผู้ดำเนินการหลัก โดยการลงพื้นที่​ในจังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 12 – 15 เดือนกันยายนที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ก่อนที่จะจบโครงการด้วยการจัดสัปดาห์สิ่ง​แวดล้องแม่โขง – อาเซียน เพื่อจัดแสดงผลงานและเวทีเสวนา รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ โดยเยาวชนและองค์กรเครือข่ายที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่ง​กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 27 – 29 กันยายนที่จะถึงนี้


การลงพื้นที่ในจังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของผมในการเดินทางไปยังต่างประเทศอย่างเป็นทางการและผมรู้สึกโชคดีเป็น​อย่างมากที่ได้รับโอกาส ซึ่งโตนเลสาบเป็นสถานที่ที่ผมประทับใจมากที่สุดในการลงพื้นที่จึงได้นำมาเขียนเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ทุกท่านได้อ่านใน​ครั้งนี้


หมู่บ้านแห่งสายน้ำ

ความร้อนลอดผ่านช่องหน้าต่างและบานประตูเข้ามายังห้องอาหารที่ติดเครื่องปรับอากาศของโรงแรม มันยังคงเป็นเช้าที่แสดงเอกลักษณ์ของอากาศแห่ง​เสียมเรียบได้เป็นอย่างดี รถบัสขนาดเล็กออกช้ากว่ากำหนดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ถึงที่หมายของวันนี้ช้าลงเท่าไหร่นัก “หมู่บ้านกัมปงพลุก (Kampong ​Phluk)” ชุมชนที่ตั้งอยู่ในโตนเลสาบ


ผมลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรถเดินทางใกล้จะถึงโตนเลสาบจากเสียงของพี่สาวที่กำลังพูดถึงการปลูกพืชของกัมพูชา และถูกต้อนรับโดยภาพที่แสนตรงข้ามกันของ​พืชสองข้างทาง ข้าวโพดที่ถูกไถกลบ – ทุ่งนาที่เขียวขจี ก่อนที่รถจะพาผมผ่านไปถึงจุดขึ้นเรือ เรือหลากหลายขนาดนับสิบลำจอดเรียงกันอยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ​ลำที่จะพาเราล่องไปในทะเลสาบแห่งนี้ พวกเราราวยี่สิบคนรออยู่ตรงนั้นซักพักก่อนที่เรือจะออก บ้านยกสูงราว 10 เมตร ที่ส่วนมากล้อมด้วยสังกะสีหรือไม้​ค่อย ๆ ปรากฏให้เราเห็นพร้อมกับกลิ่นคาวของปลาเป็นระยะจนถึงตัวหมู่บ้านซึ่งมีส่วนที่เป็นเกาะอยู่ทางขวามืออันเป็นที่ตั้งของวัด โรงเรียนและบ้านเรือน​ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนทางซ้ายมือที่ตั้งอยู่ในน้ำ มันเป็นภาพที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน มันเป็นภาพของวิถีชีวิตที่กำลังสอดแทรกเข้าไปกับธรรมชาติ เรือ​หางยาวติดเครื่องยนต์ที่วาดรูปตาบนข้างเรือส่วนหัวทั้งสองข้าง (พี่ชายชาวกัมพูชาตอบผมว่ามันคือตาของพญานาค) จอดอยู่ติดกับบ้าน พืชผักและดอกไม้​เติบโตอยู่บนบ้านยกสูงเหล่านั้น สถานีอนามัย สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว และสถานราชการอื่น ๆ ต่างออกแบบให้ยกสูงเหนือน้ำเช่นเดียวกับเหล่าต้นไม้ที่​ต้องจมอยู่ครึ่งปี เราแล่นผ่านตรงนี้ไปก่อนที่เรือจะจอดอยู่บริเวณทะเลสาบอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่กินพื้นที่กว่า 5 จังหวัด












หัวเรื่องย่อ แล้ววงคุยที่เต็มไปด้วยข้อมูลวงแรกก็เริ่มขึ้นกลางมวลน้ำแห่งทะเลสาบที่ยิ่งใหญ่นี้ พี่ชายที่เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรภาคประชาสังคม ได้เล่าถึง​ปัญหาหลักของโตนเลสาบให้พวกเราฟังว่าสิ่งที่ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ลดน้อยลงอย่างมากคือเขื่อนในแม่น้ำโขง เนื่องจากน้ำในโตนเลสาบ 60 % มาจากแม่น้ำ​โขง นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น การทำลายป่าชุ่มน้ำ การใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรม ขยะ การสัมปทานการทำทำประมงโดยเอกชน และ Climate ​change ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรปลาที่ทำใหประชาชนในพื้นที่จับปลาได้น้อยลงจากอดีตเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามภาคประชาสังคมและประชาชนก็มี​ความพยายามในการต่อสู้และแก้ไขปัญหาอยู่ ซึ่งมีการพัฒนาศักยภาพต่าง ๆ อย่างทักษะการเป็นผู้นำและความรู้เกี่ยวกับกฎหมายให้แก่เครือข่ายชาวบ้าน การ​สร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย ซึ่งในรายละเอียดจะถูกขยายขึ้นเมื่อพวกเรากลับไปที่หมู่บ้าน


หัวเรื่องย่อยวีรสตรี


“กัมปงพลุก” เกิดจากสองคำรวมกันนั่นคือ กัมปงมีความหมายว่าหมู่บ้านกลางน้ำ และพลุกซึ่งมีความหมายว่างาช้าง ที่หมู่บ้านมีชื่อดังนี้มันเป็นเพราะ​ว่าเมื่อในอดีตครั้งที่ยังมีการสู้รบด้วยช้าง ได้มีช้างเพศเมียเชือกหนึ่งได้ออกสู้รบด้วยความห้าวหาญขณะที่กำลังอุ้มท้องลูกของเธอจนเสียชีวิตลง เมื่อมี​การจัดการศพผู้คนได้ฝังร่างของเธอลงบนผืนดินแห่งนี้ แต่ด้วยเป็นช้างเพศเมียซึ่งไม่มีงาจึงได้นำงาช้างอื่นมาฝังร่วมกับศพร่างของช้างผู้เป็นวีรสตรี​เชือกนี้ พี่สาวชาวกัมพูชาเล่าให้เราฟัง มันเป็นเรื่องของตำนานที่ยังคงเหลือร่องรอยแห่งจิตวิญญาณวีรสตรีหลงเหลืออยู่ในบทบาทของผู้หญิงที่อยู่ที่นี่ ​ทั้งในฐานะผู้นำองค์กร สมาคม หรือแม้แต่ครอบครัว


พวกเราเดินทางย้อนกลับมายังแพของสมาคมผู้หญิง ที่มีจระเข้และสัตว์น้ำจำนวนหนึ่งจัดแสดง แต่สิ่งที่เป็นจุดสำคัญของที่นี่คือ “พายเรือในป่าที่จม​อยู่” พวกเราลงเรือกันลำละสองคนโดยมีผู้หญิงเป็นคนพายเรือ 20 นาทีที่อยู่ตรงนั้นมันงดงามจริง ๆ เสียงสัตว์ร้องคลอไปกับเสียงลมพัดผ่านใบไม้และ​ผู้คน มองไปข้างบนเห็นกิ่งก้านและใบไม้สีเขียวขจีที่ถูกแสงลอดเป็นทางผ่านลงมากระทบกับผิวน้ำกระเพื่อม สะท้อนแสงนั้นกลับขึ้นไปบนลำต้นไม้เห็น​เป็นลวดลายแห่งแสง ระหว่างทางมีซุงที่ลอยน้ำอยู่ กิ่งไม้ที่ตัดเรียงกันวางซ้อนกันบนต้นไม้เพื่อผึ่งแดดให้แห้งก่อนนำไปใช้งาน และสิ่งที่โชคดีของวันนี้​คือพระอาทิตย์ทรงกลดปรากฏให้พวกเราได้เห็นยิ่งทำให้การล่องเรืองดงามขึ้นไปอีก


บนเกาะของหมู่บ้าน


เด็กนักเรียนยืนเกาะราวบันไดทักทายพวกเราเมื่อเรือจอดเทียบท่าที่วัดบนเกาะหมู่บ้านแดดที่ร้อนทำให้พวกเราต่างรีบเดินไปยังบ้านของผู้นำชุมชน​อย่างเร่งรีบ ก่อนขึ้นบันใดบ้านไปนั่งข้างบนนั้น บ้านถูกจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน หน้าบ้านหันไปยังทางน้ำ ตรงชานส่วนนอกมีพืชผักจำนวนหนึ่ง ​ขยับเข้ามาเป็นส่วนของลานกว้างและครัวที่ถูกขั้นด้วยส่วนซักล้างก่อนจะถึงห้องน้ำในฝั่งเดียวกัน ตรงลานกว้างนั้นมีตู้ขั้นเป็นที่สำหรับแต่งตัวซึ่งถัดมา​คือลานกว้างอีกฝั่งเป็นที่สำหรับนอน และส่วนท้ายคือระเบียงสำหรับนั่งที่มีไม้ประดับซึ่งอยู่ติดกับถนนด้านหลัง (เราขึ้นบันไดตรงนี้) พวกเราพักกินข้าว​บนบ้านก่อนที่จะเริ่มวงคุยวงที่สอง พี่สาวและพี่ชายชาวกัมพูชาได้นำเสนอข้อมูลหลายประเด็น เริ่มที่ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพของสมาชิกในสมาคมซึ่งมี​อาชีพประมงเป็นหลัก รองลงมาคือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และสุดท้ายคือการเปิดร้านค้า โดยหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จะมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 65, 35 และ​ร้อยละ 5 ตามลำดับ ทั้งนี้ในพื้นที่ยังมีการสนับสนุนจากภาคประชาสังคมในหลายประเด็น เช่น การพัฒนาศักยภาพ ให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายดังที่ได้​กล่าวไป และให้ความรู้ในการรับมือกับ Climate change การเขียนโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุน และการทำ Gender Analysis เป็นต้น ​นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีกิจกรรมเพื่อการพัฒนาและอนุรักษ์หลายกิจกรรม เช่น การลาดตระเวนตรวจสอบสถานการณ์ การติดป้ายเกี่ยวกับกฎหมายการ​ประมง การติดตั้งเสาสัญลักษณ์เขตอนุรักษ์ การปลูกป่า และการสร้างที่อยู่ของปลา เป็นต้น อีกทั้งยังมีแผนงานในการพัฒนาชุมชนอย่างการแปรรูป​ผลิตภัณฑ์ การรณรงค์ห้ามทิ้งขยะ การทำระบบสวัสดิการ การเติมน้ำในบางพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ปลา และการปลูกต้นไม้ทั้งอนุรักษ์ป่าที่มีพื้นที่กว่า ​200 เฮกตาร์

มันเป็นความพยายามของกลุ่มคนที่มีเป้าหมายในการต่อสู้เพื่อทรัพยากรและวิถีชีวิต ที่ไม่ใช่เพียงการเรียกร้อง แต่เป็นการทำงานเพื่อพัฒนาและเกื้อกูลกัน​ในสถานการณ์ที่การเมืองภายในประเทศไม่ได้โอบรับสิทธิทางการเมืองและการแสดงออกของประชาชน ผมเคารพและนับถือหัวใจของพวกเขา และหวัง​อย่างยิ่งว่าเป้าหมายและความฝันจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาและประชาชนชาวกัมพูชาโดยเร็ว


สุดท้ายนี้ การร่วมโครงการของผมยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ แต่ผมยังได้รับโอกาสในการนำเสนอผลงานเรื่องสั้น “MOON RIVER” ที่เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกใน​ชีวิตของผมที่เขียนสำเร็จ ระหว่างวันที่ 27 – 29 กันยายน 2567 ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครดังที่ได้กล่าวไปในตอนต้น หากท่านใดสนใจเข้าร่วม​รับชมผลงานของผมและผู้จัดแสดงท่านอื่นสามารถเข้าร่วมรับชมได้ในวันและสถานที่ในข้างต้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมสามารถ​สอบถามและรับชมได้ที่เฟซบุ๊กหรือเว็บไซต์ สัปดาห์สิ่งแวดล้องแม่โขง – อาเซียน

Premium isolated images

พื้นที่ประชาสัมพันธ์

ขอเชิญรับฟัง Podcast จากสำนักพิมพ์ Crackers Books

และรับฟังทุกรายการได้ที่ crackersbooks.com/podcasts

Flat Youtube Icon

ติดต่อโฆษณา โทร 0953394114

Inbox now rectangle button call to action CTA drop shadow
Sleek Clean Monoline Decorative Click

พร้อมจัดส่งแล้ววันนี้ !

พร้อมจัดส่งแล้ววันนี้ !

Emoji 3d