Published by Crackers Books,

21 July 2024

https://crackersbooks.com/blogs


ทำความรู้จักกับแนวความคิดที่ว่าด้วยการจัดวางความคิดทางการเมือง

ตอนที่ 2 : ทำความเข้าใจหลักการ “การกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว” (Installed)



วีรชน เกษสกุล

อาจารย์ประจำสาขาวิชาการปกครอง

คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

Weerachon.g@ubu.ac.th








เกริ่นนำ


ตามที่ผู้เขียนได้นำเสนอในสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการก่อตัวของแนวความคิดเรื่อง “การจัดวางความคิดทางการเมือง” แนวความคิดดังกล่าวถือเป็น​นวัตกรรมทางความคิดที่วัชรพล พุทธรักษา ได้พยายามบูรณาการศาสตร์ทางรัฐศาสตร์กับศาสตร์ทางศิลปเข้าด้วยกัน โดยได้นำแนวความคิดและทฤษฎี​ของอันโตนิโอ กรัมชี่ มาผสมผสานกับหลักการบางประการของศิลปะแบบจัดวาง เพื่อสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจและสามารถนำแนวคิด/ทฤษฎีของ​อันโตนิโอ กรัมชี่ ไปใช้ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทำให้แนวคิดและทฤษฎีของกรัมชี่มีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ผ่านการสร้างหลักการสำคัญ 3 ประการ ​ได้แก่ 1. การกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว (Installed) 2. การรื้อถอนความคิดที่ถูกจัดวาง (Uninstallation) และ 3. การจัดวางความคิดใหม่ ​(Reinstallation) สำหรับบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการทำงานของหลักการ “Installed” หรือ “การกลับไป​ทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว”


การกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว (Installed)

สำหรับหลักการเรื่อง “Installed”หรือ “การกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว” วัชรพล พุทธรักษา ต้องการที่จะชวนให้ผู้สนใจหรือผู้เชื่อว่า​สังคมของเรามีการจัดวางความคิดอยู่จริง ได้ขบคิดหรือตั้งคำถามเพื่อให้เห็นร่องรอยว่าที่ผ่านมามีใครเป็นผู้จัดวางความคิดในสังคม มีการจัดวางชุดความ​คิดหรืออุดมการณ์ใดบ้าง ชุดความคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมืองเหล่านั้นดำรงอยู่เพื่อผลประโยชน์ของใคร และการจัดวางนั้นมีกลไกหรือกระบวนการใน​การทำงานอย่างไร


อย่างไรก็ดี วัชรพลไม่ได้กำหนดหรือเสนอว่าการทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้วควรพิจารณาอย่างไร ซึ่งเป็นความจงใจที่วัชรพลต้องการให้ผู้นำแนว​ความคิดดังกล่าวไปใช้อย่างอิสระ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละบริบท


สำหรับผู้เขียนเอง มักจะพิจารณาการกลับไปทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้วผ่านกรอบแนวความคิดเรื่องกลุ่มประวัติศาสตร์ (Historical Bloc) และ​แน่นอนว่าการจะนำแนวความคิดนี้มาใช้ในการทบทวนความคิดที่ถูกจัดวางไว้แล้ว สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือการทำความเข้าใจแนวคิดเรื่อง “กลุ่ม​ประวัติศาสตร์” ว่ามีหลักการสำคัญอย่างไรบ้าง ซึ่งในโอกาสนี้ผู้เขียนจะชวนท่านผู้อ่านมาทำความเข้าใจแนวความคิดดังกล่าวว่ามีความเป็นมาและสาระ​สำคัญอย่างไร


แนวความคิดที่ว่าด้วยกลุ่มประวัติศาสตร์ (Historical Bloc)

แนวคิดเรื่องกลุ่มประวัติศาสตร์ปรากฏครั้งแรกในงานเขียน "The Modern Prince" ของอันโตนิโอ กรัมชี่ โดยเขาได้พยายามแสดงให้เห็นถึงสภาวะที่​ชนชั้นและกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมมีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนในมิติด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม และอุดมการณ์ ในขณะที่ลัทธิมาร์กซ์ใช้เกณฑ์การ​แบ่งแยกกลุ่มบุคคลในสังคมโดยใช้ผลประโยชน์เป็นตัวบ่งชี้ฐานะทางชนชั้น และมองว่าชนชั้นเป็นต้นตอของปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งเกณฑ์การแบ่งในลักษณะ​ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของโครงสร้างส่วนล่าง กรัมชี่กลับเห็นว่าการอธิบายโดยใช้เกณฑ์ทางชนชั้นดังกล่าวมีลักษณะเป็นนามธรรมเกินไป กรัมชี่จึงเสนอการ​แบ่งกลุ่มที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยชี้ว่าในแต่ละช่วงเวลาของประวัติศาสตร์อาจเกิดกลุ่มก้อนทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการร่วมมือกันของกลุ่มและชนชั้น​ต่าง ๆ เพื่อที่จะต่อสู้กับกลุ่มอื่น ๆ ลักษณะของกลุ่มประวัติศาสตร์จึงเป็นผลรวมของโครงสร้างต่าง ๆ ที่มาประกอบกันและเกิดเป็นเอกภาพเชิงซับซ้อนและขัด​กันภายใน (complex and contradictory unity) ซึ่งมีการเกาะเกี่ยวทั้งในระดับแนวตั้ง (vertical) คือการข้ามระหว่างชนชั้น และระดับแนวราบ ​(horizontal) ที่เป็นกลุ่มย่อยทางชนชั้นภายในชนชั้นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ไม่ว่ากลุ่มประวัติศาสตร์ในสังคมหนึ่ง ๆ ในชั่วขณะหนึ่งจะมีความสัมพันธ์กับผู้คนใน​กลุ่มพลังในสังคมอย่างไร แต่กลุ่มประวัติศาสตร์นั้น ๆ จะต้องเชื่อมโยงอยู่กับศักยภาพของกลุ่มพลังใหม่ และเป็นกลุ่มพลังที่ก้าวหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง​กลุ่มประวัติศาสตร์ทางเลือกใหม่อยู่เสมอ (Gramsci, A., 1971, p. 137; กาญจนา แก้วเทพ, 2541, p. 88; วัชรพล พุทธรักษา, 2557, pp. 168–170; เก่งกิจ กิติ​เรียงลาภ, 2551, pp. 44–54)


กล่าวอีกนัยหนึ่ง “กลุ่มประวัติศาสตร์” มีลักษณะเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่เกิดจากการผนึกประสานกันของทุกชนชั้นอย่างมีเอกภาพระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ที่มี​ความขัดแย้งกัน แม้ว่าการรวมตัวนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบย่อย ๆ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงอำนาจของกลุ่มก้อนทางอำนาจ (power ​bloc) จากกลุ่มหนึ่งไปสู่อีกกลุ่มหนึ่ง แต่กลุ่มก้อนทางประวัติศาสตร์ที่มีฐานะเป็นองค์รวมเชิงโครงสร้างภายใต้โครงสร้างขนาดใหญ่ก็ยังคงดำรงอยู่ ​(Adamson, W., อ้างถึงใน เก่งกิจ กิติเรียงลาภ, 2551: 48)

อนึ่ง ปัจจัยสำคัญของการเกิดขึ้นของกลุ่มประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เป็นผลผลิตของการต่อสู้โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคม ​โดยเฉพาะในสภาวะที่เกิดการแบ่งขั้วทางชนชั้นอย่างชัดเจน ซึ่งสถาบันภายใต้โครงการทางการเมืองของรัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือความขัดแย้งเหล่า​นั้นได้ (Jessop, B., 1985: 90–93)


ตัวอย่างของการนำแนวคิดว่าด้วยกลุ่มประวัติศาสตร์ (Historical Bloc) ไปใช้จริง

จากหลักการและแนวคิดทฤษฎีที่ได้อธิบายไปข้างต้น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้เขียนจะยกตัวอย่างการนำแนวความคิดดังกล่าวมาพิจารณา​ปรากฏการณ์ทางการเมืองภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามในปี พ.ศ. 2475


ทั้งนี้ หากเราพิจารณาจากคำอธิบายของนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์หลายคนที่พยายามสรุปจำนวนผู้เข้าร่วมก่อการครั้งนั้น เราจะพบว่า​คำอธิบายต่อประเด็นดังกล่าวนั้นมีความหลากหลาย เช่น ชัยอนันต์ สมุทวณิช และพีรศักย์ จันทวรินทร์ บันทึกว่าสมาชิกคณะราษฎรมีทั้งหมด 99 คน (ชัย​อนันต์ สมุทวณิช และพีรศักย์ จันทวรินทร์, 2525: 8-11) ขณะที่ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บันทึกว่ามีสมาชิกทั้งหมด 102 คน ข้อมูลจาก พล.ท. ประยูร ภมรมนตรี ​บันทึกว่ามี 98 คน ธวัช มกรพงศ์ ระบุว่ามี 114 คน เอกสารจากหอจดหมายเหตุเลขที่ กจช.สร.0201.16/48 บันทึกว่ามี 101 คน (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, 2543: ​218-239) และนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เสนอว่ามี 115 คน (นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, 2553: 469-473)


จะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกของคณะราษฎรนั้นมีหลายชุดข้อมูล ซึ่งแต่ละชุดข้อมูลได้นำเสนอข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ทุกชุดข้อมูล​พยายามนำเสนอมีลักษณะเหมือนกัน คือ การพยายามจำแนกและอธิบายว่าคณะราษฎรออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ สมาชิกคณะราษฎรสายทหารบก ​สมาชิกคณะราษฎรสายทหารเรือ และสมาชิกคณะราษฎรฝ่ายพลเรือน


อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่าการจำแนกดังกล่าวยังคงอยู่บนฐานของผู้เข้าร่วมกระบวนการตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนกระทั่งถึงการเข้ายึดอำนาจในวันที่ 24 ​มิถุนายน พ.ศ. 2475 แต่หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จะเห็นว่าสมาชิกที่เข้าร่วมกระบวนการมีช่วง​เวลาในการเข้าร่วมก็มีความหลากหลาย อีกทั้งยังมีความแตกต่างในด้านแนวคิดและอุดมการณ์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งภายในในเวลา​ต่อมา ต่อประเด็นดังกล่าวผู้เขียนมีข้อคิดเห็นว่าคำอธิบายว่าคณะราษฎรคือกลุ่มคนที่มาจาก 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกคณะราษฎรสายทหาร​บก สมาชิกคณะราษฎรสายทหารเรือ และสมาชิกคณะราษฎรฝ่ายพลเรือน คือจุดเริ่มต้นของความคลุมเครือในคำอธิบายถึงความสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เกิดจาก​กลุ่มคณะผู้ก่อการที่มักจะถูกแทนที่ด้วยคำว่า “คณะราษฎร”


จากปัญหาในคำอธิบายเกี่ยวกับความเป็นคณะราษฎรภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ผู้เขียนได้นำเอาแนวความคิดของกรัมชี่เกี่ยวกับกลุ่ม​ประวัติศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างคำอธิบายต่อสถานะของคณะผู้ก่อการภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยหลักการสำคัญของแนวคิดดังกล่าว​คือ การชี้ให้เห็นว่ากลุ่มประวัติศาสตร์มีลักษณะเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่เกิดจากการผนึกประสานกันของทุกชนชั้นอย่างมีเอกภาพระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ที่​แตกต่างและขัดแย้งกัน แม้ว่าการรวมตัวนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบย่อย ๆ หรือการเปลี่ยนอำนาจของกลุ่มก้อนทางอำนาจ (power bloc) จาก​กลุ่มหนึ่งไปสู่อีกกลุ่มหนึ่ง แต่กลุ่มก้อนทางประวัติศาสตร์ที่มีฐานะเป็นองค์รวมเชิงโครงสร้างภายใต้โครงสร้างขนาดใหญ่ยังคงดำรงอยู่

เมื่อนำแนวความคิดดังกล่าวมาพิจารณากลุ่มของคณะราษฎร จะเห็นได้ชัดเจนว่าการรวมกลุ่มของคณะราษฎรก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น มา​จากการประสานกันของกลุ่มพลังทางสังคมกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างกันทางด้านอุดมการณ์ แต่กลุ่มต่าง ๆ เหล่านั้นถูกยึดโยงให้เป็นเอกภาพภายใต้​เจตจำนงร่วมบางประการ แต่ภายหลังจากที่สามารถยึดอำนาจได้แล้วนั้น ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มพลังทางอำนาจ แต่องค์รวมเชิงโครงสร้างยังคง​ดำรงอยู่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มย่อย ๆ ภายในก็ตาม














กรอบในการพิจารณาคณะราษฎรผ่านแนวคิดกลุ่มประวัติศาสตร์ (Historical Bloc)

ดังนั้น ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การจัดประเภทของสมาชิกคณะราษฎรตามที่นักประวัติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ได้เคยจัดเป็นกลุ่มหลัก ๆ ​สามกลุ่มจึงน่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแต่ละคนมีสังกัดมาจากหน่วยหรือกลุ่มพลังทางสังคมที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อ​พิจารณาผ่านกรอบแนวคิดกลุ่มประวัติศาสตร์จะเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นว่ากลุ่มพลังทางสังคมต่าง ๆ ภายในคณะราษฎรรวมตัวกันเพียงเพื่อเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อให้​บรรลุจุดประสงค์บางประการ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีแนวความคิดและอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อพิจารณาภายในกลุ่มคณะราษฎรจะเห็นได้ว่าประกอบ​ด้วยอนุภาคย่อย ๆ หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีการเลื่อนไหลไปมาอยู่เสมอ กล่าวได้ว่าภายในโครงสร้างของคณะราษฎรไม่มีลักษณะแข็งทื่อ แต่มีความเลื่อนไหล​ไปมาตั้งแต่การก่อตั้งจนกระทั่งการสิ้นสุดลงของขบวนการดังกล่าว


อนึ่ง หากพิจารณาจากการปรากฏครั้งแรกของแนวคิดกลุ่มทางประวัติศาสตร์ในงานเขียนเรื่อง The Modern Prince ของกรัมชี่ จะเห็นได้ว่ากรัมชีพยายาม​ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มก้อนทางประวัติศาสตร์คือเอกภาพระหว่างธรรมชาติและจิตวิญญาณ เป็นเอกภาพของสิ่งที่แตกต่างกัน หากนำมโนทัศน์ดังกล่าวมา​พิจารณาต่อสถานะของสมาชิกคณะราษฎร สามารถอุปมาได้ว่าเหมือนกับการที่สมาชิกคณะราษฎรแต่ละคน แต่ละกลุ่ม ได้ร่วมเดินทางไปในขบวนรถไฟ​เดียวกัน แต่บางคน บางกลุ่ม ต่างก็มีสถานีปลายทางของตนที่ต่างกันออกไป (โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน วีรชน เกษสกุล, 2566)



อกสารอ้างอิง

Gramsci, A. (1971). Selections from the Prison Notebooks (Q. Hoare & G. Nowell-Smith, Eds. and Trans.). New York: International ​Publishers.


Jessop, B. (1985). Nicos Poulantzas: Marxist Theory and Political Strategy. London: Macmillan.


เก่งกิจ กิติเรียงลาภ. (2557). การเมืองว่าด้วยการต่อสู้ทางชนชั้นในประเทศไทยจาก พ.ศ.2535 ถึง พ.ศ.2549.วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา​รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.


ชัยอนันต์ สมุทรวณิช และ พีรศักย จันทวรินทร์.(2525). ข้อมูลพื้นฐาน กึ่งศตวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองไทย. กรุงเทพมหานคร: เจ้าพระยาการ​พิมพ์.


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. (2543). 2475 : การปฏิวัติสยาม. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.


นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. (2553). การปฏิวัติสยาม พ.ศ.2475. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน.


วัชรพล พุทธรักษา. (2561). อันโตนิโอ กรัมชี่ กับการจัดวางความคิดทางการเมือง ปรัชญาปฏิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการปลดปล่อยมนุษย์. ​กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สมมติ


วีรชน เกษสกุล. (2566). การจัดวางความคิดทางการเมืองของกลุ่มคณะราษฎร พ.ศ. 2475 – 2490. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ ​มหาวิทยาลัยนเรศวร.

Premium isolated images

พื้นที่ประชาสัมพันธ์

ขอเชิญรับฟัง Podcast จากสำนักพิมพ์ Crackers Books

และรับฟังทุกรายการได้ที่ crackersbooks.com/podcasts

Flat Youtube Icon

ติดต่อโฆษณา โทร 0953394114

Inbox now rectangle button call to action CTA drop shadow
Sleek Clean Monoline Decorative Click