Published by Crackers Books,

17 March 2024

https://crackersbooks.com/blogs


เทศกาลฝุ่นและควันจากการเผาไร่อ้อย: แนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น


สันทราย วงษ์สุวรรณ

นักวิชาการอิสระ - มีความสนใจด้านความมั่นคงทางอาหาร


บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสะท้อนมุมมองผลกระทบระหว่างเกษตรกรผู้ทำไร่อ้อยและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงต่อปัญหาการเผาไร่อ้อยเพื่อส่งขายโรงงานน้ำตาล จึงก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา อาทิ ปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเกิดเผาอ้อยทั้งต้นและใบ รวมถึงฤดูการหว่านไถ่เพื่อเตรียมดินสำหรับปลูกอ้อย ดังนั้น งานเขียนชิ้นนี้จึงตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นร่วมกันทั้งสองฝ่ายและเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ผู้เขียนจึงได้แบ่งการอธิบายออกเป็น 3 ส่วน 1.เกษตรกรไร่อ้อย 2.ผลกระทบการเผาไร่อ้อย 3.ข้อเสนอแนะการหาทางออกร่วมกันระหว่างเกษตรกรไร่อ้อยและชาวบ้าน


1.เกษตรกรไร่อ้อย


อ้อยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่น้ำตาล การปลูกอ้อยจึงมีบทบาทสำคัญในภาคเกษตรกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญในการทำไร่อ้อยต้องพิจารณาถึงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมร่วมด้วย คือผลกระทบของการเผาไร่อ้อยและความจำเป็นในแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรของภาครัฐ การสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมอ้อยในประเทศไทยและภูมิภาคอื่น ๆ ที่ผลิตอ้อย การปลูกอ้อยทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกน้ำตาลและอุตสาหกรรมอ้อยมีส่วนสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศไทย มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเพาะปลูก การแปรรูปเป็นน้ำตาลส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้น การปลูกอ้อยยังเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน เนื่องจากการเพาะปลูกและการแปรรูปอ้อยสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับผู้คนจำนวนมากในพื้นที่ชนบท ซึ่งรวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร การเก็บเกี่ยว การขนส่ง และการแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาลในโรงงานอุตสาหกรรมอ้อย ส่งผลให้เกิดการพัฒนาและสภาพคล่องทางเศรษฐกิจในเขตชนบท เช่น ร้านค้าโชห่วยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายของใช้และกับข้าวให้กับคนงาน


นอกจากนี้ยังพบว่า การปลูกอ้อยช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับภูมิทัศน์ทางการเกษตรของประเทศไทย ซึ่งอาจมีความสำคัญต่อการบริหารความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืนเมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ปัจจุบัน ทั้งเรื่องสภาพอากาศและการเกิดภาวะสงครามระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อการบริโภคน้ำตาล ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการปลูกอ้อยไม่เพียงแต่เพื่อแปรรูปเป็นน้ำตาลเท่านั้น อ้อยยังใช้สำหรับการผลิตพลังงานชีวภาพในรูปของเอธานอล (Ethanol) ซึ่งประเทศไทยได้สำรวจการใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีส่วนสนับสนุนความพยายามของประเทศในการกระจายแหล่งพลังงาน รวมถึงพัฒนาการลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยอุตสาหกรรมอ้อยมีเทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ สำหรับการใช้เทคนิคและเครื่องจักรการทำฟาร์มขั้นสูง เช่น รถตัดอ้อย เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเกษตรที่ทันสมัยลดการใช้แรงงานคน ดังนั้น หากเกิดการทำธุรกิจในท้องถิ่นย่อมต้องเกิดผลกระทบตามมานั้นคือการเผาต้นอ้อยและใบอ้อยเพื่อตัดส่งโรงงานน้ำตาล


2.ผลกระทบการเผาไร่อ้อย


เมื่อกล่าวถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสุขภาพและสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไร่อ้อยสำหรับตัดส่งโรงงานน้ำตาล โดยเริ่มจากประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น ควันและฝุ่นละอองที่ปล่อยออกมาระหว่างการเผาไร่อ้อย สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาระบบทางเดินหายใจของแรงงานคนตัดอ้อยและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง นอกจากนั้น ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น เพราะการเผาไร่อ้อยส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม เช่น การเสื่อมโทรมของดิน การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความเสียหายต่อระบบนิเวศ โดยสิ่งที่ชาวบ้านกังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบเขตหมู่บ้านและปัญหาด้านมลพิษทางน้ำและดิน ซึ่งน้ำที่ไหลบ่าจากไร่อ้อยที่ถูกไฟไหม้สามารถนำขี้เถ้าและมลพิษเข้าสู่แหล่งน้ำในหมู่บ้านและแหล่งน้ำดื่มในส่วนที่เป็นคลองปะปา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและสุขภาพของดิน ทั้งนี้ ชาวบ้านยังตระหนักถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะความกังวลด้านสุขภาพของคนในชุมชน นอกเหนือจากปัญหาระบบทางเดินหายใจแล้วยังมีผลกระทบด้านสุขภาพอื่น ๆ เช่น การระคายเคืองผิวหนังหรือปัญหาดวงตาที่เกิดจากการสัมผัสกับควันและมลพิษ อย่างไรก็ตาม การเผาไร่อ้อยต้องหาความสมดุลร่วมกันระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชน โดยการเรียกร้องให้มีทางเลือกที่ยั่งยืน


3.ข้อเสนอแนะการหาทางออกร่วมกันระหว่างเกษตรกรไร่อ้อยและชาวบ้าน


การเผาไร่อ้อยส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง จึงต้องมีการหารือร่วมกันให้มีการนำทางเลือกอื่นมาใช้แทนการเผาไร่อ้อย ตัวอย่างเช่น การเก็บเกี่ยวโดยใช้เครื่องจักร นโยบายไม่เผาไร่อ้อยที่เป็นข้อตกลงร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐหรือการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ โดยผู้เขียนแบ่งออกเป็น 7 แนวทางการแก้ไขดังนี้


1.ชาวบ้านสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศที่เกี่ยวข้องกับแนวปฏิบัติทางการเกษตร ซึ่งอาจรวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดต่อการเผาไร่อ้อยหรือสิ่งจูงใจในการเลือกใช้ทางเลือกอื่นที่ดีกว่าและยั่งยืน ซึ่งการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ มักต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างชาวบ้าน โรงงานน้ำตาล หน่วยงานของรัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและเป็นประโยชน์ร่วมกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญ


2.การเปลี่ยนไปสู่การเก็บเกี่ยวอ้อยด้วยเครื่องจักร ภาครัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนเงินทุนในการเปลี่ยนจากการเก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมไปเป็นวิธีการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ซึ่งการเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักรช่วยลดความจำเป็นในการเผาไร่อ้อย เนื่องจากสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลได้อย่างรวดเร็วและอ้อยสดใหม่กว่า


3.รัฐควรส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตร เสริมการนำเทคนิคการเกษตรแบบยั่งยืนมาใช้ เช่น การปลูกพืชคลุมดิน การคลุมดินและการไถพรวนเพื่อการอนุรักษ์หน้าดิน แนวทางปฏิบัติเหล่านี้สามารถช่วยควบคุมวัชพืช รักษาความชื้นในดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยไม่ต้องอาศัยการเผาใบพืช


4.โรงงานน้ำตาลหรือภาครัฐจูงใจการจัดการกากพืชหรือกากอ้อย โดยมอบสิ่งจูงใจเป็นรางวัลเครื่องใช้ทางการเกษตรหรือเงินทุนแก่เกษตรกรในการจัดการเศษเหลือทิ้งของพืชผลด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจรวมถึงการนำสารตกค้างกลับคืนสู่ดินเป็นอินทรียวัตถุหรือนำไปใช้ในการผลิตพลังงานชีวมวล


5.ควรลงทุนในโครงการวิจัยและให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของการเผาไร่อ้อยและเพื่อส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางเลือกอื่น ๆ การให้ข้อมูลแก่เกษตรกรเกี่ยวกับประโยชน์ของทางเลือกเหล่านี้สามารถช่วยให้ประหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและโรงงานน้ำตาลคลี่คลายลงได้


6.การพัฒนาโครงการพลังงานชีวมวลส่งเสริมการพัฒนาโครงการพลังงานชีวมวลที่ใช้เศษซากพืชเพื่อผลิตพลังงาน

7.การมีส่วนร่วมและความร่วมมือของชุมชน การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างธุรกิจการเกษตร หน่วยงานภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือ แบ่งปันความรู้และทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาไร่อ้อยอย่างเป็นระบบ


กล่าวโดยสรุป จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนมองว่าการใช้แนวทางที่ครอบคลุมและร่วมมือกันโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งธุรกิจการเกษตรการทำไร่อ้อยและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเผาไร่อ้อย สามารถหาแนวทางการแก้ไขที่ลดผลกระทบด้านลบของการเผาไร่อ้อยให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและแนวทางทางเลือกสามารถนำไปสู่สถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยที่ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมได้รับการแก้ไขและไม่กระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเช่นกัน



Premium isolated images

พื้นที่ประชาสัมพันธ์

ขอเชิญรับฟัง Podcast จากสำนักพิมพ์ Crackers Books

และรับฟังทุกรายการได้ที่ crackersbooks.com/podcasts

Flat Youtube Icon

ติดต่อโฆษณา โทร 0953394114